ประวัติ หลวงปู่แก้ว สุทโธ ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ แห่งวัดดอยโมคคัลลาน์ จ.เชียงใหม่

ประวัติ หลวงปู่แก้ว สุทโธ ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ แห่งวัดดอยโมคคัลลาน์ จ.เชียงใหม่




หลวงปู่แก้ว สุทโธ ท่านเกิดเมื่อ วันอังคาร เดือน ๑๑ ปีเถาะ พ.ศ. ๒๔๓๔ ณ ตําบลหนองบ่อ อําเภอนาแก จังหวัดนครพนม

หลวงปู่แก้ว ท่านดํารงเพศฆราวาสวิสัยเพียง ๑๑ ปี ก็ได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุได้ ๑๒ ปี นับได้ว่าในชาตินี้ หลวงปู่แก้ว สุทโธ หยุดกระทํา เวรกรรมอันจะต่อเนื่อง ซึ่งไม่มีอีกแล้ว บุญบารมีเก่าได้หนุนชีวิตจิตใจของท่าน เข้ามาสู่ทางธรรมแต่เล็กแต่น้อย เป็นความบริสุทธิ์ทางกาย บริสุทธิ์ทางวาจา บริสุทธิ์ทางใจ เจริญด้วยศีลธรรมคุณงามความดี เป็นประโยชน์เป็นพื้นฐานที่จะดํารงเพศสมณะ ต่อไปอีก

เมื่อได้บรรพชาแล้ว หลวงปู่แก้ว สมัยเป็นสามเณร ท่านก็ได้ศึกษาวินัยบัญญัติ และเรียนภาษาขอมไปด้วย จนมีความรู้แตกฉาน อันสมควรแล้ว

ท่านจึงได้เริ่มปฏิบัติธรรมสมาธิ ซึ่งท่านได้รับการแนะนําจากครูบาอาจารย์ และยังเคยเห็นพระผู้ปฏิบัติผ่านไปทางวัด ที่ท่านจําพรรษาอยู่ด้วย

ท่านมองเห็นปฏิปทาของพระธุดงคกรรมฐาน เกิดควา นิยมที่จะปฏิบัติตามนั้นบ้าง ท่านจึงเข้าศึกษาหาความรู้ จนมีความเข้าใจต่อการบําเพ็ญธรรม ที่ พระอริยเจ้าทั้งหลายได้ประพฤติ ปฏิบัติมาแต่อดีต

ครั้นอายุของท่านได้ ๒๑ ปี บริบูรณ์ หลวงปู่แก้ว ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดหนองป่า อ.นาแก จ.นครพนม ได้รับฉายาว่า “สุทฺโธ”

หลวงปู่แก้ว สุทโธ ผู้มองเห็นทุกข์ ได้ออกเดินธุดงคกรรมฐาน แสวงหาความสงบระงับทางใจ ท่านมีความตั้งใจอย่างเด็ดขาด ที่จะอาศัยป่าดงพงไพรต่อไป ไม่ขอย้อนกลับมาอยู่วัดเก่าที่ท่านบวชอีกต่อไป

หลวงปู่แก้ว เดินธุดงค์ผ่านไปในจังหวัดต่างๆ ทั่วภูมิภาค ท่านเดินธุดงค์เข้าป่าอาศัยป่าดง เป็นที่ปฏิบัติธรรม นั่งภาวนาเดิน จงกรม รักษาจิตใจให้อยู่กับอารมณ์เป็นหนึ่ง ไม่ยอมให้จิตใจแส่ส่ายไปมา ไม่ย้อนคิดติดใจในเหตุการณ์หนหลังที่ผ่านมา

การเดินธุดงคกรรมฐานของท่านในครั้งนี้ หลวงปู่แก้ว ท่านมีโอกาสได้พบกับพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานคือ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

จากนั้นท่านได้รับการอบรมบ่มนิสัย ขัดเกลากิเลสออกจากจิตใจ เพราะขณะที่ได้ฟังธรรมเทศนาจาก หลวงปู่มั่น แล้วธรรมะนั้น มีความอัศจรรย์ อย่างมิเคยได้ รับฟังมาจากที่ใดก่อนเลย จิตเข้าสู่ภูมิปัญญา ควรแก่การพิจารณา ตามคําสอนนั้น เป็นความเห็นชัด ระหว่างปัญญากับกิเลส ปลดเปลื้องกันโดย อาศัยธรรมเป็นเครื่องบุกเบิก และได้แก้ไขกิเลสไปเป็นตอนๆ ไป

ภายหลังจากหลวงปู่แก้วได้รับอุบายธรรมแล้ว ท่านได้กราบลา เดินธุดงค์เพื่อบําเพ็ญเพียรไปทางภาคอีสาน ต่อมาท่านได้พบกับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ จึงออกเดินธุดงค์ร่วมกัน โดยเดินธุดงค์ไปถึงโคราช และเดินธุดงค์ต่อไปยังภาคเหนือ

ในชีวิตแห่งสมณเพศ หลวงปู่แก้ว ได้บําเพ็ญธรรมอยู่ตามป่าเขาลําเนาไพร เป็นส่วนใหญ่ ในราว พ.ศ. ๒๔๖๐ หลวงปู่แก้วและหลวงปู่แหวน ได้แยก กันไปบําเพ็ญสมณธรรม โดยหลวงปู่แก้ว ท่านเดินธุดงค์มาถึงที่ ดอยโมคคัลลาน์ การเดินธุดงคกรรมฐานในคราวนั้น ได้มีพระภิกษุติดตาม มาด้วย ๘ รูป สามเณร ๑๕ รูป กอปรด้วยขณะนั้นหลวงปู่แก้ว ชรามากแล้ว ท่านจึงมาอยู่และได้ร่วมกันก่อสร้างวัดขึ้น พร้อมกับสิ่งสําคัญประจําวัดดอยโมคคัลลาน์ คือ พระเจดีย์ที่อัญเชิญบรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธเจ้า

เมื่อก่อสร้างสําเร็จแล้ว หลวงปู่แก้ว สุทโธ ได้ออกไปจากดอยโมคคัลลาน์ เดินธุดงค์ไปในสถานที่ต่าง ๆ จนได้ไปพบกับถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งท่านไม่ประสงค์จะเปิดเผย ภายในถ้ำแห่งนี้ หลวงปู่แก้ว เล่าว่า..

“มีทรัพย์ทางโลกมากมาย จําพวกเพชรนิลจินดา ตลอดจนแก้วสีต่าง ๆ พลอย ทับทิม สิ่งของทั้งหมดนี้ มิใช่ว่าจะมีคนมาเก็บซ่อนไว้ แต่เป็นเพราะธรรมชาติ นํามารวมกองไว้เป็นทางไป ซึ่งดูเต็มไปหมด”

สิ่งที่อยู่ภายในถ้ำนี้ ต่อมาหลวงปู่แก้ว ได้คัดเลือกชนิดเม็ดเล็ก ๆ ไม่มีราคาค่างวดอันใด ใส่บาตรใส่ย่าม มาฝากผู้ที่เดินทางไปนมัสการท่าน

สิ่งนั้นท่านตั้งชื่อว่า “ทราย คํา” ซึ่งเป็นพลอยและทับทิมน้ำดี แต่เม็ดละเอียดดังเม็ดทราย และสิ่งเหล่านี้ก็เป็นความลับ เป็นสมบัติแผ่นดินต่อไป

ต่อมา หลวงปู่แก้ว สุทโธ ได้เดินธุดงค์ มาอยู่ปฏิบัติธรรม ที่ถ้ำภูผาเจ้ากลายตน จากนั้นหลวงปู่ได้สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ประดิษฐานเป็นพุทธบูชา ที่ถ้ำตับเตา แล้วไปบําเพ็ญสมณธรรม ที่ถ้ำภูผาเจ้ากลายตน อยู่จําพรรษาจนกระทั่ง อายุของหลวงปู่ได้ ๗๙ ปีเต็ม

ภายหลัง หลวงปู่แก้ว สุทโธ ได้มาอยู่จําพรรษาที่วัดดอยโมคคัลลาน์ อีกครั้งหนึ่งเป็นช่วงท้ายของชีวิต หลวงปู่ได้อยู่เป็นประธานสงฆ์ อบรมพระภิกษุสามเณร แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ได้บําเพ็ญเพียรภาวนา รักษาจิตใจด้วยหลัก ธรรม ศีล สมาธิ ปัญญา หาทางออกจากทุกข์ มุ่งตรงสู่แดนบรมสุข คือ พระนิพพาน

วัดดอยโมคคัลลาน์อยู่ใกล้แม่น้ำปิง ทำให้มีเหล่าพญานาคอาศัยอยู่มาก ครั้นต่อมาเมื่อหลวงปู่แก้ว สุทโธ มาพำนักที่นี่ก็มักออกมาหาหลวงปู่แก้วบ่อยๆ โดยเลื้อยจากแม่น้ำปิงขึ้นไปสู่ยอดดอย

ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้มีชาวบ้านในอดีตเห็นกันมานักต่อนัก โดยพญานาคนั้นชอบนั่งตักหลวงปู่แก้ว (สุทโธ) เพื่อให้หลวงปู่แก้ว(สุทโธ)ป้อนกล้วยให้กิน

นอกจากพญานาคแม่น้ำปิงแล้ว พญนาคแห่งบ่อน้ำดอยเต่า ก็ชอบมาหาหลวงปู่แก้ว(สุทโธ) เช่นกัน

โดยบ่อดอยเต่าในอดีตนั้นเป็นบ่อลึกลับ เหล่านาคชอบออกมาเล่นน้ำ ทำให้ผู้คนสมัยนั้นหวาดกลัวกันยิ่งนัก

หลวงปู่แก้ว(สุทโธ) มีความผูกพันธ์กับพญานาคมาก โดยครั้งหนึ่งมีรถขับผ่านเส้นทางจอมทอง – ฮอด เกิดไปทับพญานาคตนหนึ่งเข้า ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ทุกข์เวทนายิ่งนัก
ครั้นเมื่อได้สติก็เลื้อยขึ้นไปหาหลวงปู่แก้ว (สุทโธ) ซึ่งท่านก็ได้เมตตาเป่ามนต์รักษาให้นาคตนนั้นหายเป็นปกติ เป็นต้น

หลวงปู่แก้ว (สุทโธ) นอกจากจะเป็นที่พึ่งให้กับญาติโยมแถวจอมทอง ฮอด เหล่าลูกศิษย์จากทุกสารทิศ

ข้าราชการโดยเฉพาะทหารอากาศแล้ว ยังเป็นที่พึ่งให้เหล่าพญานาคอีกด้วย สำหรับพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังนั้นหลวงปู่แก้ว(สุทโธ) สร้างไว้ไม่มาก ซึ่งจะมีแค่เหรียญไม่กี่รุ่น รูปถ่ายไม่กี่รุ่น

ซึ่งปัจจุบันหาชมได้ยากยิ่ง พระเครื่องของหลวงปู่นั้น มีนาายทหารอากาศได้ห้อยเหรียญหลวงปู่แก้วแก้ว (สุทโธ) มีครั้งหนึ่งเฮลิคอปเตอร์ระเบิดไปทั้งลำ ทหารคนนั้นที่อยู่ในนั้นไม่เป็นอะไรเพราะห้อยเหรียญหลวงปู่แก้ว สุทโธ


เรื่องราวอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของหลวงปู่แก้ว(สุทโธ) นั้นสืบทอดกันปากต่อปาก ซึ่งชาวบ้านดอยโมคคัลลาน์และชาวบ้านใกล้เคียงนั้นต่างรู้ดี

แม่น้ำปิงในสมัยก่อนนั้นมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อยู่ ๓ องค์ หลวงปู่ครูบาแก้ว (สุทโธ) ได้อัญเชิญขึ้นมาจากน้ำเพื่อช่วยโปรดชาวโลก

ซึ่งพระพุทธรูป ๓ องค์นี้ศักดิสิทธิ์มาก สามารถบันดาลฝนฟ้าให้ตกต้องตามฤดูกาลได้ ปัจจุบันมีการเก็บรักษาไว้อย่างดี ณ วัดดอยโมคคัลลาน์

หลวงปู่แก้ว สุทโธ ถือเอาคำพูดที่ชาวบ้านประสบพบเห็นพญานาคราชเลื้อยขึ้นสู่ยอดดอย ท่านจึงได้สร้างบันไดทางขึ้นสู่ดอยโมคคัลลาน์เป็นรูปพญานาคเลื้อยเอาส่วนหัวขึ้น ส่วนหางทอดลงไปยังเชิงดอยต่างจากที่แห่งอื่น

ซึ่งเมื่อจัดสร้างบันไดนาค จะทำราวบันไดเป็นรูปพญานาคเอาส่วนหัวดึงลงข้างล่าง ส่วนหางอยู่ด้านบน เป็นสัญลักษณ์พิเศษของบันไดขึ้นดอยโมคคัลลาน์


ขณะที่หลวงปู่มาใช้ชีวิต ยามชราภาพ ในสถานที่สงบ เงียบ เร่งบําเพ็ญจิตภาวนานั้น บางโอกาสก็จะมีคณะญาติโยม เดินทางไปจากในถิ่นต่าง ๆ เพื่อร่วมบุญ ร่วมกุศลกับท่านอีกจํานวนหนึ่งได้ไปขอความเมตตา ให้หลวงปู่รักษาโรคภัยไข้เจ็บและบําบัดทุกขเวทนาต่าง ๆ จนหายเป็นปกติ ด้วยวาสนาบารมีก็มาก

คุณงามความดีงามของ หลวงปู่แก้ว สุทโธ ยังตราตรึงจิตใจแก่ชาวบ้าน อ.จอมทอง และจังหวัดนครพนม อันเป็นถิ่นกําเนิดของท่าน อย่างไม่มีวันลืมเลือน


หลวงปู่แก้ว สุทโธ ท่านมรณภาพด้วยโรคชรา ในปี พ.ศ.๒๕๒๔ สิริอายุ ๘๗ ปี และจัดพิธีสลายร่างบนยอดดอย เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖

Share this:

ABOUT THE AUTHOR

Hello We are OddThemes, Our name came from the fact that we are UNIQUE. We specialize in designing premium looking fully customizable highly responsive blogger templates. We at OddThemes do carry a philosophy that: Nothing Is Impossible

0 comments:

แสดงความคิดเห็น