รำลึก103 ปี ชาตกาล หลวงพ่อฮวด ธัมมสาโร วัดอุโปสถาราม

หลวงพ่อฮวด ธัมมสาโร พระเกจิดังลุ่มนํ้าสะแกกรัง - วันศุกร์ที่ 20 พ.ย.2563 น้อมรำลึกครบ 103 ปี ชาตกาล “พระครูอุทัยธรรมวิจัย” หรือ “หลวงพ่อฮวด ธัมมสาโร” พระเกจิรุ่นเก่าผู้เรืองวิทยาคม มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง ด้วยความเป็นพระปฏิบัติดี มีเมตตาธรรมสูง มุ่งเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน

เกิดในสกุล โพธิ์เงิน เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2460 ที่บ้านบางกุ้ง หมู่ที่ 5 ต.สะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี เป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวน 12 คน นายใช้-นางบุญรอด โพธิ์เงิน

เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2495 ที่พัทธสีมาวัดอุโปสถาราม ต.สะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี มีพระราชอุทัยกวี (พุฒ สุทัตโต) เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูอุเทศธรรมวิจัย (หลวงพ่อป๊อก เกสโร) เจ้าอาวาสวัดอุโปสถาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูอุปพัทธสีลาจาร (เลี่ยม) วัดทุ่งแก้ว เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้รับฉายา ธัมมสาโร หมายถึง ผู้มีธรรมเป็นแก่นสาร

จำพรรษาอยู่ที่วัดอุโปสถาราม ศึกษาพระธรรมวินัยและพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ที่สำนักศาสนศึกษาวัดอุโปสถาราม

ในยุคนั้นชื่อเสียงของหลวงพ่อป๊อก เจ้าอาวาสมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะพระเกจิ อาจารย์ผู้เรืองวิทยาคม จึงขอฝากตัวเป็นศิษย์ฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน ร่ำเรียนวิทยาคม โดยเฉพาะการสักยันต์ 8 ทิศ ซึ่งหลวงพ่อป๊อกเมตตาถ่ายทอดวิชาให้

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2498 หลวงพ่อป๊อกมรณภาพ ท่านจึงได้รับ แต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดอุโปสถาราม

พ.ศ.2501 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดอุโปสถาราม เป็นเจ้าสำนักศาสศึกษาวัดอุโปสถารามและเป็นพระกรรมวาจาจารย์

พ.ศ.2508 เป็นเจ้าคณะตำบลสะแกกรัง พ.ศ.2517 เป็นพระอุปัชฌาย์

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2514 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นตรีที่ “พระครูอุทัยธรรมวิจัย”

พ.ศ.2521 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามเดิม

พ.ศ.2532 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอก ในราชทินนามเดิม

ด้วยความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังขจรขจาย ในแต่ละวันมีญาติโยมจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบนมัสการหลวงพ่อฮวดอย่างล้นหลาม เพื่อขอรับวัตถุมงคล โดยเฉพาะรูปหล่อโบราณ เหรียญฉลองสมณศักดิ์ และตะกรุด 8 ทิศ

ปัจจัยที่ได้จากการบริจาค นำไปพัฒนาสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัดแห่งนี้ พร้อมได้ปรับปรุงบริเวณวัดให้มีความร่มรื่น ปลูกต้นไม้ เหมาะสมในการปฏิบัติธรรม

ถ่ายทอดหลักธรรมง่ายๆ ให้ชาวบ้านนำไปปฏิบัติใช้ คือ การรักษาศีล 5 ด้วยผู้มีศีลชีวิตจะพบแต่ความเจริญรุ่งเรือง

ต่อมาอาพาธด้วยโรคเบาหวาน เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2536 เกิดอาการอ่อนเพลีย จึงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอุทัยธานี

กระทั่งเมื่อวันที่ 7 พ.ค.2536 เวลา 17.00 น. เกิดอาการแน่นท้องอย่างรุนแรง คณะแพทย์ได้รักษาเยียวยาจนสุดความสามารถ

เวลา 18.40 น. จึงมรณภาพอย่างสงบ สิริอายุ 76 ปี พรรษา 41