ประวัติ พ่อท่านเกษม เขมจาโร วัดมะม่วงตลอด จ.นครศรีธรรมราช

ประวัติ พ่อท่านเกษม เขมจาโร วัดมะม่วงตลอด จ.นครศรีธรรมราช

“พระครูมงคลเหมรัต” หรือ “พ่อท่านเกษม เขมจาโร” พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดมะม่วงตลอด ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช เชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าภาคใต้

อีกทั้งยังเป็นศิษย์สืบสายพุทธาคมสายตรงพระครูภาวนาภิรมย์ หรือ พ่อท่านคลิ้ง จันทสิริ อดีตเจ้าอาวาสวัดถลุงทอง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช พระเกจิชื่อดังแห่งปักษ์ใต้อีกรูป


ปัจจุบัน สิริอายุ 90 ปี (ปี2565) พรรษา 32 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมะม่วงตลอด
มีนามเดิมว่าเกษม คุ้มกุมาร เกิดเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2475 ภูมิลำเนาเดิมเป็นชาวตำบลเสาธง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช

อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุป สมบท ที่วัดถลุงทอง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช
มีพระครูประพัฒนสุตคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับนามฉายา เขมจาโร

อยู่จำพรรษาอยู่ที่วัดดังกล่าว ทำหน้าที่อุปัฏฐากรับใช้พ่อท่านคลิ้ง ในกิจวัตรประจำวัน เช่นดูแลเรื่องการฉันอาหาร การบีบนวด ช่วยเหลือทั่วไปตามที่จะใช้งาน และติดตามไปเมื่อมีกิจนิมนต์ในที่ต่างๆ

หลังจากบวชอยู่เป็นเวลา 2 ปี ก็ลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตฆราวาส

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่บ้านอยู่ใกล้วัด ก็ยังไปปรนนิบัติรับใช้พ่อท่านคลิ้งอย่างสม่ำเสมอ ตอนเช้าก็ไปช่วยจัดสำรับภัตตาหารให้ขบฉันข้าว ตกตอนเย็นก็ก่อควันไฟให้รอบกุฏิเพื่อไล่ยุง เพราะกุฏิหลังไม้เป็นโถงกว้าง ไม่ได้กั้นห้องแต่อย่างใด


ครั้นเมื่อเวลามีลูกศิษย์นำของต่างๆ มาให้ทำวัตถุมงคลมากมายจนทำไม่ไหว พ่อท่านคลิ้งจึงได้เรียกมาใช้งาน พร้อมสอนการจารตะกรุด การเขียนเลขยันต์ การทำผ้าขึ้นเปลเด็ก การทำสายคาดเอว และการปลุกเสกเลขยันต์ และอื่นๆ อีกมากมาย

ฝึกปรือตามคำแนะนำสั่งสอนจนจำขึ้นใจ เมื่อเริ่มมีความชำนาญมากขึ้น พ่อท่านคลิ้งจึงทำพิธีครอบครู ครอบมือ โยนตำราและคัมภีร์อาคมให้ รับเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ

ภายในเวลาอันสั้น ก็เรียนรู้ได้จนหมด ส่วนคาถาบางอย่าง ที่ไม่มีในตำราพ่อท่านคลิ้ง จะว่าให้ฟังและให้จำด้วยตัวเอง
อีกทั้งเมื่อพ่อท่านคลิ้งไปประกอบพิธีกรรมที่แห่งใด หรือมีกิจนิมนต์ต่างๆ จะออกปากให้ติดตามไปเป็นพราหมณ์สายฆราวาส และรับหน้าที่สำคัญ คือ ปลงผมให้ในทุกวันโกน

พ่อท่านเกษมยังย้อนรำลึกความหลังให้ฟังว่า “แต่ก่อนท่านได้เก็บเส้นผมของพ่อท่านคลิ้งไว้มาก แต่ในภายหลังได้แจกให้ลูกศิษย์จนหมด”
ต่อมาเมื่อชาวบ้านเห็นว่าเป็นหมอพราหมณ์ จึงมี ผู้ติดต่อไปประกอบพิธีกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ตั้งศาลพระภูมิ วางศิลาฤกษ์ สวดพลิกแผ่นดิน สะเดาะเคราะห์บ้านเรือน และอื่นๆ

เมื่อครั้งที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์จ้าภาณุพันธุ์ยุคล นิมนต์พ่อท่านคลิ้งไปยังวังอัศวิน ก็ได้ติดตามไปอยู่รับใช้ด้วย อยู่ที่ในวังครั้งละเป็นเดือน
เล่าให้ฟังด้วยว่า ในบางวันพ่อท่านคลิ้งได้รับนิมนต์ไปบ้านเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ เพื่อสวดมนต์ ฉันภัตตาหารเพล บางวันอยู่ในวังไม่ได้ไปไหน พ่อท่านคลิ้งก็ให้จารผ้ายันต์ จารตะกรุด จากนั้นพ่อท่านคลิ้งก็ปลุกเสกเสร็จ แล้วให้นำไปแจกจ่ายผู้คนที่อาศัยอยู่ในวังต่างๆ

ในปี พ.ศ.2533 เข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้ง ที่วัดถลุงทอง และจำพรรษาอยู่ที่วัดดังกล่าวเรื่อยมาเป็นระยะเวลา 5 พรรษา ประกอบกับในตอนนั้นวัดมะม่วงตลอดว่างเว้นเจ้าอาวาส ชาวบ้านในละแวกนั้นเลื่อมใสศรัทธาจึงได้นิมนต์ให้มาอยู่จำพรรษาที่วัดมะม่วงตลอด และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสมาจนถึงปัจจุบัน

บูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสถาน ดูแลปกครองสงฆ์สามเณรภายในวัดด้วยความเรียบร้อย ร่มเย็นผาสุก

ด้วยความที่เป็นผู้สืบทอดวิชาของพ่อท่านคลิ้ง จึงจัดทำเครื่องรางของขลัง เช่น ตะกรุดโทนช้างผสมโขลง ตะกรุดคู่กันภัยและเมตตา สายคาดเอว ผ้ายันต์ และอื่นๆ ตามโอกาส
สำหรับเครื่องรางสายคาดเอวนั้นได้รับความนิยมจากบรรดาคณะศิษย์ โดยเฉพาะที่เป็นตำรวจหรือทหาร ในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ สายคาดเอวนั้น จารมือลงบนผ้า ทั้งด้านหน้าและหลัง แล้วนำมาม้วนกับเชือกและถักมือทุกเส้น ขณะกำลังถักก็อธิษฐานจิตตภาวนาปลุกเสกไปด้วยจนเสร็จ

พ.ศ.2555 ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูมงคลเหมรัต วัตรปฏิบัติมีความเป็นอยู่อย่างสงบเรียบง่าย สงเคราะห์ญาติโยมตลอดเรื่อยมา สม่ำเสมอ

เป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสและมีลูกศิษย์ลูกหาพิ่มขึ้นอย่างมากมายและรวดเร็ว