ประวัติ หลวงปู่นอง ธัมมโชโต วัดวังศรีทอง จ.สระแก้ว

ประวัติ หลวงปู่นอง ธัมมโชโต วัดวังศรีทอง จ.สระแก้ว 

 

หลวงปู่นอง ธัมมโชโต พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดวังศรีทอง อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว เชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้า มีวัตรปฏิบัติเรียบง่ายงดงามด้วยศีลาจารวัตร เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้ได้พบเห็น เกิดในสกุล ปัจจะชัย เมื่อปีพุทธศักราช 2463 เป็นชาวลพบุรีโดยกำเนิด มารดามีศักดิ์เป็นน้องสาวของพระครูนิวาสธรรมขันธ์ หรือหลวงพ่อเดิม วัด หนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งเมืองปากน้ำโพ ในวัยเด็ก บิดาได้นำไปฝากไว้กับหลวงลุง คือหลวงพ่อเดิม เป็นผู้ดูแล

เมื่ออายุ 12 ปี จึงให้เข้าพิธีบรรพชา หลวงพ่อเดิม เมตตาถ่ายทอดวิชาให้สามเณรหลานชาย ตั้งแต่พระธรรมวินัย วิทยาคม การสร้างวัตถุมงคลต่างๆ ด้วยงาช้าง มีดหมอ เขียนลบผงปถมัง ตรีนิสิงเห มหาราช อิทธิเจ พุทธคุณ เรียนเขียนอักขระเลขยันต์ นะ 108 คาถาหัวใจ 108 เรียนวิทยาคมด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม โชคลาภ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้เมตตาสักยันต์ครู "นะเมตตา" ไว้ที่หัวไหล่ เพื่อยืนยันถึงความผูกพันอีกด้วย เมื่อเรียนได้ระยะเวลา 8 ปี สามเณรนองได้ขออนุญาตไปเยี่ยมโยมบิดามารดา เพื่อไต่ถามทุกข์สุข ก่อนออกเดินธุดงค์มุ่งสร้างความแกร่งกล้าทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงแสวงหาความสงบวิเวกตามป่าเขาไปจังหวัดต่างๆ รวมทั้งข้ามไปประเทศพม่า ลาว กัมพูชา ครั้งหนึ่งได้ศึกษา วิทยาคมกับพระครูเทวะ พระอาจารย์จอมขมังเวทชาวเขมร

ในระหว่างการเดินทางเท้าเปล่า ผ่านป่า ผ่านภูเขาด้วยความยากลำบากนานาประการ ท่านได้ศึกษาและแลกเปลี่ยนวิชาเพิ่มเติมกับพระธุดงค์อีกหลายรูป ในยุคนั้นมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อยู่ที่เขาสาริกา อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี นามว่า "หลวง พ่อกบ" สำเร็จวิชากสิณไฟ ล่วงรู้วาระจิต ทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ รดน้ำมนต์ จึงได้ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อกบ เมตตาถ่ายทอดสุดยอดวิชาให้หลายประการ เช่น วิชาเดินธาตุ วิชากสิณไฟ การห้ามลมห้ามฝน เป็นต้น

เมื่อเรียนวิชาจาก หลวงพ่อกบแล้ว ท่านได้มุ่งหน้ามาศึกษาและแลกเปลี่ยนวิชาเพิ่มเติมกับ หลวงพ่อโอภาสี ผู้เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อกบเช่นกัน ที่อาศรมบางมด ฝั่งธนบุรี ได้ศึกษาพระกัมมัฏฐาน คัมภีร์มูลกัจจายน์ จนสำเร็จวิชาตามที่ตั้งใจไว้ ครั้นอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ มีหมายเรียกเกณฑ์ให้ไปเป็นทหาร จึงได้ลาสิกขา เข้าไปเป็นทหารเกณฑ์รับใช้ชาติ ประจำการกองพันเสนารักษ์ กองทัพอากาศ ดอนเมือง เป็น เวลา 2 ปี หลังปลดประจำการก็อุปสมบทเป็นพระภิกษุทันที มีพระมหาชวน หรือหลวงพ่อโอภาสี เป็นพระอุปัชฌาย์ แต่บวชได้เพียง 4 พรรษา ต้องลาสิกขามาเป็นพระเอกลิเกประจำคณะหอมหวล ซึ่งโด่งดังมากในยุคนั้น

ในครั้งนั้นกลายพระเอกเนื้อหอม เป็นขวัญใจของแม่ยก สุดท้ายได้แต่งงานมีครอบครัว มีภรรยาและบุตรหลายคน ต่อมาท่านเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก ด้วยผ่านชีวิตมาทุกรูปแบบ มองเห็นเรื่องทางโลกนั้นไม่จีรัง จึงหวนเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เข้าพิธีอุปสมบทเป็นครั้งที่ 2 โดยมีหลวงพ่อโอภาสี เป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่จำพรรษาที่สำนักสงฆ์บางมด เป็นเวลานานถึง 4 ปี และกลับมารับใช้อุปัฏฐากหลวงพ่อเดิม ที่ จ.นครสวรรค์ จวบจนกระทั่งหลวงพ่อเดิมมรณภาพ ในปี พ.ศ.2494

หลังจากนั้น ท่านได้รับนิมนต์จากญาติโยมให้มาอยู่จำพรรษาที่วัดวังศรีทอง จ.สระแก้ว ท่านก็ไม่ขัดศรัทธา ได้ย้ายมาจำพรรษาจนถึงปัจจุบัน กล่าวกันว่า หลวงปู่นองมีความชำนาญวิชากสิณไฟเป็นพิเศษ ทรงอิทธิคุณในทางขับไล่สิ่งอัปมงคลชั่วร้าย เสริมดวงชะตา นำพาโชคลาภวาสนาบารมี

สำหรับวัตถุมงคลที่หลวงปู่นองประจุวิชากสิณไฟจนโด่งดัง คือ เศียรฤๅษีตาไฟ เนื้อรัตนโลหะ ที่ใช้แผ่นชนวนเก่า แผ่นเงิน แผ่นทองเหลือง แผ่นทองแดง จารอักขระ นำมาหลอมรวมกันตามสูตรที่เรียนมาจากหลวงพ่อเดิม ได้รับการยอมรับจากบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่องวัตถุมงคลว่ามีความเข้มขลังเป็น อย่างยิ่ง โดยเฉพาะ "ตะกรุดตรึงไตรภพพระเจ้าสิบทิศ" สุดยอดเครื่องรางที่หลวงปู่นองใช้หัวใจราชามหายันต์ตำรับหลวงพ่อเดิม จารมือลงบนแผ่นตะกั่วตามแบบโบราณทุกประการ

ตะกรุดตรึงไตรภพนี้ หลวงปู่จารทุกดอกและพระในวัดช่วยกันพันเชือกชุบรัก แม้ย่างเข้าวัยชรา แต่หลวงปู่นองมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถออกบิณฑบาตโปรดญาติโยมอยู่เป็นประจำ และปฏิบัติศาสนกิจทั่วไป สวดมนต์ ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น ทำสมาธิภาวนาอยู่มิได้ว่างเว้น ยามมีเวลาว่าง ก็จะนั่งจารตะกรุด นั่งเขียนหรือลบผงด้วยตนเอง หลวงปู่นองเคยปรารภให้ลูกศิษย์ฟังว่า "วัตถุมงคลนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้ศรัทธาประกอบกัน

หากเรามีวัตถุมงคล แต่ไม่ศรัทธาใส่ใจ มีแล้วไม่กราบไหว้บูชาตามสมควร ก็จะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ สู้อย่าไปบูชาให้เสียเงินเสียเวลาเลย"

ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง หลวงปู่นองมรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ก.ค.2558 เวลา 16.10 น. ที่โรงพยาบาลตากฟ้า จ.นครสวรรค์